วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รีวิว Phantom 2 Vision เครื่องบินถ่ายวิดีโอขนาดจิ๋วที่จะช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับการเก็บภาพ

20140403_201325
          เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เราสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่การถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอที่นอกจากเราสามารถที่จะเก็บภาพที่ความละเอียดสูงๆ ได้แล้ว ในยุคนี้ที่ระบบไร้สายและเทคโนโลยีฝั่งซอฟต์แวร์ก้าวล้ำมากๆ เราก็สามารถที่จะเก็บภาพในมุมสูงหรือมุมกล้องเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระอีกด้วย วันนี้เราลองมาดูอุปกรณ์ที่จะช่วยในเรื่องดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจ นั่นก็คือเจ้า Phantom 2 Vision นั่นเอง
          ต้องออกตัวก่อนว่าทีมงาน thumbsup เราจะไม่วิเคราะห์กันเรื่องตัวฮาร์ดแวร์ เพราะคุณผู้อ่านสามารถอ่านได้ตามเว็บบอร์ดทั่วไป หรือใน YouTube ก็มีคลิปให้ดูอยู่มากมาย หรือถ้าใครอยากดูเว็บคนขายในไทยอย่างเป็นทางการก็เข้าไปดูกันได้ที่ Phantom Thailand แต่วันนี้เราจะมาเขียนเล่าให้อ่านกันในมุมมองของคนใช้งานที่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย เผื่อผู้อ่านจะได้เห็นภาพชัดขึ้นครับ
          เริ่มแรกหลังจากที่เราได้รับตัวเครื่องจากทีมงาน Phantom Thailand มาทดลอง ก็ได้รับคำแนะนำให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่น “dji-vision” ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดทั้งบน iOS และ Android โดยเจ้าแอปพลิเคชั่นนี้จะเป็นตัวสั่งบังคับการหันกล้อง, เป็นตัวแสดงภาพสดๆ รวมถึงเป็นตัวสั่งงานการถ่ายรูปและวิดีโอ โดยมันจะต้องทำงานร่วมกับตัวรีโมทคอนโทรลหลักที่ทำหน้าที่บังคับตัวเครื่องบินทั้งทิศทางและการขึ้น-ลงของเครื่อง
IMG-20140406-WA0026
          เมื่อเอาทั้งสมาร์ทโฟนและรีโมทคอนโทรลมารวมกันจึงจะเป็นตัวบังคับอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในการทำงานนั้น ตัวบังคับหลักจะใช้สัญญาณวิทยุในการบังคับเครื่องบิน ในขณะที่สมาร์ทโฟนจะบังคับผ่านสัญญาณ WiFi ที่เชื่อมกับตัวรับส่งบนเครื่องบินอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟนจับสัญญาณ WiFi ให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นหากสัญญาณไม่ล็อคแล้ว การบังคับจะทุลักทุเลและเสี่ยงต่อการพาเครื่องบินไปสู่จุดจบมากๆ
          หลังจากเชื่อมสัญญาณทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราจะสามารถมองเห็นภาพจากกล้องบนเครื่องบินผ่านตัวแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ทันทีแบบ real-time และนี่จะเป็นตัวช่วยให้การบังคับง่ายขึ้นอย่างมาก พอจะเริ่มใช้งาน เราต้องดูให้ชัดว่าสัญญาณไฟบนตัวเครื่องเป็นสีเขียวหรือยัง ซึ่งนั่นหมายถึงสัญญาณถูกเชื่อมและล็อคไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว จากนั้นก็เริ่มนำเครื่องขึ้นได้ทันทีโดยโยกคันโยกทั้ง 2 ลงด้านล่างพร้อมๆ กัน แต่สิ่งที่สำคัญก็ต้อง เราต้องหันตัวเครื่องให้มุ่งไปยังทิศเดียวกับที่เรายืน ไม่หันหน้าเข้าหาคนบังคับเด็ดขาด เพราะทิศจะผิดเพี้ยนและมือใหม่อาจจะงงได้ง่ายๆ
IMG-20140406-WA0011
เมื่อเครื่องขึ้นแล้ว เราจะเห็นไฟด้านล่างที่คอยกระพริบทำให้เราเห็นได้ง่ายๆ ว่าเครื่องอยู่ที่ไหนและสัญญาณยังดีอยู่หรือไม่
IMG-20140406-WA0004
จากนั้นก็บังคับขึ้นลง ซ้ายขวา ได้ตามใจปรารถนาเลยครับ
IMG-20140406-WA0010
          และภาพต่อไปนี้คือผลลัพธ์ที่ได้จากการพา Phantom 2 Vision ไปเที่ยวหัวหินมา โดยพื้นที่ในภาพคือโรงแรม Amari ที่บังเอิญต้องมาเป็นฉากสำหรับการทดสอบแบบจำเป็น ซึ่งทีมงานเราต้องการถ่ายภาพเพื่อการทดสอบการใช้งาน Phantom เท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการถ่ายภาพบุคคลหรือสถานที่เพื่อเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้นครับ
D2014Apr06065058DJI00040
 ภาพจากกล้องบนตัวเครื่องก่อนการ take off
D2014Apr06065158DJI00044
ถ่ายย้อนมองตัวคนบังคับ โดยถ่ายริมทะเลแบบมีลมเบาๆ ตัวเครื่องบินก็ถือว่าค่อนข้างเสถียร ไม่เป๋ตามลม
D2014Apr06070016DJI00060
ส่งมันออกไปกลางทะเลเลย ระยะประมาณ 50 เมตรจากฝั่ง คนบังคับลุ้นระทึกมากเพราะเพิ่งเคยเล่นครั้งแรก
D2014Apr06070044DJI00062
ถ่ายย้อนกลับเข้าฝั่ง ซึ่งถ้าใช้ระบบอัตโนมัติ หากคนบังคับปล่อยมือ มันจะอยู่กับที่ สามารถปล่อยมือได้
D2014Apr06103022DJI00064
ย้ายสถานที่ทดสอบมาภายในพื้นที่โรงแรม ได้ภาพสีสดใสมากๆ
D2014Apr06103248DJI00077
ลองลดระดับลงไปเพื่อเก็บภาพระยะใกล้ขึ้น
D2014Apr06104104DJI00079
คราวนี้ลองไต่ระดับขึ้นไปให้สูงกว่าตัวตึกเลย
D2014Apr05232812DJI00034
ทดลองใช้งานตอนกลางคืนดูบ้าง ซึ่งก็สามารถเก็บภาพมาได้ค่อนข้างดีแม้ในสภาพแสงน้อยมากๆ
จากการทดลองเล่นมา สิ่งที่ได้สัมผัสก็คือ
  • ตื่นเต้นและเพลินมาก เราสามารถเก็บภาพในมุมที่ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่นๆ และนี่เป็นทั้งการถ่ายรูปและเล่นเครื่องบินบังคับไปพร้อมๆ กัน
  • บังคับไม่ยากเลย ถึงจะดูมีหลายปุ่ม และต้องบังคับหลายแกน แต่พอใช้งานจริงมันค่อนข้างง่าย ใช้เวลาฝึกไม่นานก็บินได้แล้ว (สำหรับโหมดอัตโนมัติ)
  • แบตเตอรี่อยู่ได้ไม่นานนัก ประมาณ 20 – 30 นาทีต่อแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็ม 1 ก้อน
  • รูปที่ได้คุณภาพค่อนข้างดี แต่ได้มาแบบมีเลนส์ไวด์ติดมาด้วย
น่าเสียดายที่รอบนี้เราไม่ได้ทดลองการถ่ายวิดีโอมาด้วยเพราะฝีมือคนบังคับยังอ่อนหัดนัก แต่คุณผู้อ่านที่สนใจลองดูภาพที่ได้ในคลิปนี้ได้ครับ
          และสำหรับใครที่สนใจก็ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเปค ความสามารถ และโปรโมชั่นกันในเว็บได้ที่ Phantom Thailand หลังจากนี้ไป ถ้าใครได้เล่นแล้วมีรูปหรือวิดีโอมุมกล้องสวยๆ ก็เอามาแบ่งกันดูบ้างนะครับ
สรุปปิดท้าย
          ในแง่ของการเป็นอุปกรณ์ช่วยการถ่ายภาพและวิดีโอ มันช่วยให้เราสามารถเก็บภาพสวยๆ ในมุมที่น่าตื่นเต้นได้มากกว่าเดิม รวมทั้งช่วยเก็บในมุมที่ไม่มีวิธีอื่นในการเข้าถึงได้ด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เราสามารถเข้าถึงพื้นที่ใหม่ๆ ได้ดี และไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น ในแง่ของการรายงานข่าว, การเก็บข้อมูลพื้นที่, การรายงานสภาพอุบัติเหตุหรือภัยต่างๆ ก็อาจจะทำได้ดียิ่งขึ้นและคนทั่วๆ ไปก็สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนั้น หากเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ก็สามารถที่จะยกระดับคุณภาพงานให้แตกต่างจากการถ่ายภาพเดิมๆ ได้ด้วย อย่างไรก็ดี ในการใช้งานอุปกรณ์ประเภทนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็ได้แก่ความปลอดภัยทั้งของตัวผู้บังคับ ผู้ที่อยู่ใกล้เคียง รวมไปถึงการก่อให้เกิดอุบัติเหตุอื่นๆ ในพื้นที่ใช้งาน และที่สำคัญที่สุดไม่แพ้กันก็คือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบถ่ายในพื้นที่หรือเวลาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ต้องใช้วิจารณณาณในการใช้งานกันด้วยนะครับ
          ขอขอบคุณทีมงาน Phantom Thailand ที่ให้ยืมอุปกรณ์มาทดสอบ และขอขอบคุณโรงแรม Amari หัวหินที่ให้เราทดลองเล่นได้ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะไล่ให้เราเก็บเพราะอาจจะรบกวนแขกท่านอื่นๆ (อันนี้ขอบคุณเผื่อไว้เฉยๆ ครับ :D )
แหล่งที่มา: thumbsup.in.th

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เผยไส้ใน ที่ชาร์จ iPad ปลอม ผลิตจากวัสดุคุณภาพแย่ ความปลอดภัยเป็นศูนย์

เผยไส้ใน ที่ชาร์จ iPad ปลอม ผลิตจากวัสดุคุณภาพแย่ ความปลอดภัยเป็นศูนย์
          ยังคงเป็นปัญหาที่พบเจอกันได้อย่างต่อเนื่อง กับข่าว iPad, iPhone ระเบิด เนื่องจากใช้ที่ชาร์จแบตปลอม ล่าสุด เว็บไซต์ righto ได้ทำการลงมือ แกะที่ชาร์จ iPad ของแท้ และ ที่ชาร์จ iPad ของปลอม มาให้ชมกันครับ แม้ว่า รูปร่างภายนอกของทั้ง 2 รุ่นนี้ จะเหมือนกัน แต่เมื่อดูไส้ในแล้ว จะพบว่า ต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยทางทีมวิศวกร ได้ค้นพบว่า ที่ชาร์จ iPad ของแท้ จะส่งกำลังไฟขนาด 10W แต่ถ้าเป็น  จะส่งกำลังไฟเพียงแค่ 5.9W เท่านั้น นั่นหมายความว่า ผู้ใช้ ที่ชาร์จปลอม จะต้องใช้เวลาชาร์จนานกว่าถึง 2 เท่า ส่วนวัตถุที่ใช้ผลิต ที่ชาร์จ iPad ปลอมนั้น ถือว่า คุณภาพไม่ดีอย่างมากทีเดียว
นอกเหนือจากเรื่องของ วัสดุที่ใช้ผลิต แล้ว เรื่องความปลอดภัยจากการใช้ ที่ชาร์จ iPad ปลอม ยังน้อยมากอีกด้วยครับ โดยตามบทบัญญัติด้านความปลอดภัย ระยะห่างระหว่าง สายไฟแรงดันสูงและต่ำ จะต้องห่างกันอย่างน้อย 4 มม. โดยที่ชาร์จจาก แอปเปิล มีระยะห่างอยู่ที่ 5.6 มม. แต่ที่ชาร์จ ipad ปลอม ระยะห่างอยู่ที่ 0.6 มม. เท่านั้น
เพื่อนๆ ที่คิดจะซื้อ ที่ชาร์จปลอม มาใช้ ควรจะต้องคิดให้ดีกันสักหน่อยครับ แม้ว่าราคาจะถูกกว่าก็จริง แต่เรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นศูนย์แบบนี้ ไม่ค่อยจะคุ้มค่าสักเท่าไหร่ครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม : 9to5mac.com
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โปรโมชั่นงาน Thailand Mobile Expo 2014 Hi-End

โปรโมชั่นงาน  Hi-End
          เวียนกลับมาพบกันอีกครั้งกับเทศกาลสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตระดับไฮเอนด์รับกลางปี Thailand Mobile Expo 2014 Hi-End วันที่ 8-11 พฤษภาคม ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ยิ่งใหญ่สมชื่อด้วยรุ่นระดับไฮเอนด์ คุณสมบัติระดับท็อป ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รองรับคอนเทนท์ความละเอียดระดับ 4K เลยทีเดียว พร้อมหน้าจอคมชัด จัดเต็มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตามแต่ละแบรนด์จะสรรหามาให้คุณเลือกตามต้องการ
          สำหรับรอบนี้มีสารพัดรุ่น Hi-End พร้อมให้จับจองเป็นเจ้าของครับ ตั้งแต่ระดับราคาหมื่นต้นๆ ยันสองหมื่นกว่าบาท โปรโมชั่นงานนี้จัดเต็มเช่นเคยทั้งผ่อน 0%, Cash Back, ของแถม, ส่วนลด ฯลฯ ที่สำคัญคือ คุณสามารถลองเล่นเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้อได้เลย !!
สนับสนุนบทความ : thailandmobileexpo
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> thaizones-hitech.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อันตราย! Internet Explorer พบช่องโหว่ทุกเวอร์ชัน

อันตราย! Internet Explorer พบช่องโหว่ทุกเวอร์ชัน

          สำหรับท่านที่ใช้ Internet Explorer อยู่ ช่วงนี้ต้องระวังในการคลิกลิงค์แปลกๆ กันเสียหน่อยครับ เพราะล่าสุด ทางFireEye แจ้งว่า พบช่องโหว่ใหม่บน Internet Explorer ทุกเวอร์ชัน ซึ่งส่งผลให้บรรดาแฮกเกอร์ สามารถยึดคอมพิวเตอร์ของเราได้ง่ายเลยทีเดียว


          โดยแฮกเกอร์จะทำการสร้างเว็บไซต์ปลอมๆ ที่มีการฝังมัลแวร์ไว้ภายใน และเมื่อเหยื่อเผลอกดคลิกลิงค์เข้าไป ก็จะติดมัลแวร์ทันที ซึ่งเปิดโอกาสให้บรรดาแฮกเกอร์ สามารถทำอะไรก็ได้กับคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น เปิดดูไฟล์, แก้ไขข้อมูล, อ่านอีเมล หรือแม้แต่เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อย่างไรก็ดี ทาง FireEye และ Microsoft ยังไม่เผยข้อมูลว่า แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่เหล่านี้ทำอะไรบ้าง แต่ข่าวร้ายก็คือ มีแฮกเกอร์กลุ่มใหม่ๆ ที่กำลังเรียนรู้ช่องโหว่เหล่านี้ และหาทางโจมตีในรูปแบบอื่นๆ ที่คล้ายๆ กัน ซึ่งทางแก้ไขก็คือ ทางไมโครซอฟท์ ต้องออกแพตช์แก้ไขให้เร็วที่สุด ส่วนผู้ใช้ Windows XP ดูเหมือนจะเสี่ยงมากที่สุดครับ เนื่องจากไมโครซอฟท์ประกาศเลิกสนับสนุนไปแล้ว และอาจไม่มีแพตช์ออกมาแก้ไขให้ด้วย
เบื้องต้น ผู้ใช้ Internet Explorer จะต้องหลีกเลี่ยงลิงค์แปลกๆ เอาไว้ก่อน จะช่วยแก้ปัญหาได้เปราะหนึ่งครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม : cnn.com
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com  

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> thaizones-hitech.blogspot.com