วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กระแสแรง (魔漫相机) ฟรี!! ทั้ง iOS และ Android

กระแสแรง!! () ฟรี!! ทั้ง iOS และ Android

border=0

魔漫相机 - เรียกได้ว่ามาแรงที่สุดสำหรับวันนี้สำหรับแอพสัญชาติจีนที่ชื่อว่า 魔漫相机 >> mo man xiang ji แปลว่า(กล้องเวทมนตร์) ส่วนนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech ไม่แน่ใจว่าแปลถูกมั้ย? แต่พอแปลคราวๆ ได้แบบนี้หากใครพอรู้เข้ามาแนะนำทีมงานหน่อยนะครับ
height=711
ขอบคุณที่มา: น้องเมย์ ลั๊ค พี่กอล์ฟ
ล่าสุดนั้นกระแสของแอพพลิเคชั่นนี้กำลังแรงมา หากใครได้ลองเข้า Facebook จะเห็นได้ว่าเพื่อนๆ ของแต่ละคนพาเหรดกันเล่น (ไม่เล่นรับรองเชยแน่นอน) กระแสแอพตัวนี้นั้นตอนนี้กลบกระแสละคร ทองเนื้อเก้า หรือกระแสข่าว นิรโทษกรรม ชะเงียบเลย!!
height=189
height=505

สามารถเข้าไปโหลดกันได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ!!

เอไอเอส 3G 2100 ให้ลูกค้าทุกคนเริ่มสัมผัสประสบการณ์การใช้บริการ“AIS mPAY Rabbit” ได้อย่างเป็นทางการแล้ว

เอไอเอส 3G 2100 ให้ลูกค้าทุกคนเริ่มสัมผัสประสบการณ์การใช้บริการ“AIS mPAY Rabbit” ได้อย่างเป็นทางการแล้ว

height=458

31 ตุลาคม 2556:เอไอเอส 3G 2100 เปิดนวัตกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่ จับมือแรบบิท และซัมซุง ให้ลูกค้ายุค 3G ทุกคนเริ่มสัมผัสประสบการณ์การใช้บริการ “AIS mPAY Rabbit” ได้อย่างเป็นทางการแล้วภายใต้แนวคิด “ซิมเดียวที่เปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นกระเป๋าสตางค์” เพื่อยกระดับและเสริมศักยภาพการใช้ชีวิตให้สะดวก รวดเร็วทันใจ และคุ้มค่ากว่าเดิม

โดย (1) สะดวก เพียงใช้มือถือแตะเพื่อชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS , รถโดยสาร BRT และชำระค่าอาหาร เครื่องดื่ม หรือรับบริการจากร้านค้าชั้นนำได้โดยพกเพียงโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องเดียว (2) รวดเร็ว ทันใจสามารถเติมเงินแรบบิทผ่าน“mPAY App” ทางมือถือได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และ (3) คุ้มค่า กับโปรโมชั่นพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมายที่ลูกค้าจะได้รับโดยลูกค้าที่มีความสนใจบริการ

สามารถเปลี่ยนหรือซื้อซิม “AIS mPAY Rabbit” ได้ที่เอไอเอสช็อปทุกสาขาในกรุงเทพฯพร้อมรับส่วนลดแพ็กเกจค่าโทรและอินเตอร์เน็ต รวมทั้งรับค่าโดยสาร BTS ฟรี!รวมมูลค่าสูงสุด 900 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.56 – 31 ม.ค.57

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “หลังจากเมื่อต้นเดือนเม.ย.56 ที่ผ่านมา เอไอเอสจับมือแรบบิท ร่วมกันนำนวัตกรรม NFC ในรูปแบบของซิมการ์ดเข้ามาให้บริการในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก

บนเครือข่ายคุณภาพเอไอเอส 3G 2100 ภายใต้บริการ “AIS mPAY Rabbit”เพื่อมอบประโยชน์ สร้างคุณภาพชีวิตและเสริมศักยภาพในการดำเนินชีวิตให้แก่คนไทย โดยเป็นการเปิดให้ลูกค้าที่สนใจทดลองใช้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าสมัครทดลองใช้บริการเป็นจำนวนมากนั้น
สำหรับวันนี้ เรามีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าทุกคน โดยผลิตซิม NFC จำนวนมากพร้อมทั้งเตรียมการให้บริการเปลี่ยนซิม และการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้บริการ จึงจับมือพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่อย่างแรบบิทและซัมซุงร่วมกันเปิดให้บริการ “AIS mPAY Rabbit” อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “ซิมเดียวที่เปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นกระเป๋าสตางค์”เพื่อให้ลูกค้าเอไอเอสในยุค 3G ทุกคน ได้เริ่มสัมผัสประสบการณ์ของนวัตกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่

โดยลูกค้าสามารถนำมือถือซัมซุงรุ่นที่รองรับเทคโนโลยี NFC ในระบบ เอไอเอส 3G 2100 แตะเพื่อชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS , รถโดยสาร BRT รวมถึงใช้ซื้อของ และรับบริการ ณ ร้านค้าที่ร่วมให้บริการแรบบิทเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การใช้ชีวิตของคนเมือง เป็นการยกระดับและเสริมศักยภาพครบทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
(1) สะดวก
มีเพียงโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องเดียว ก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้า BTS , รถโดยสาร BRT และชำระค่าอาหาร เครื่องดื่ม หรือรับบริการจากร้านค้าชั้นนำในเขตกรุงเทพและปริมณฑลได้
(2) รวดเร็ว ทันใจ
สามารถเติมเงินแรบบิท,ตรวจสอบมูลค่าเงินคงเหลือหรือดูรายการใช้งานย้อนหลังผ่านมือถือได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย “mPAY App”
(3) คุ้มค่ามากกว่า
กับโปรโมชั่นพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับมากมาย จากร้านค้าชั้นนำ อาทิส่วนลด 10% จากร้านแมคโดนัลด์ เป็นต้น

ทางด้านนางสาวชุณหพร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด ในฐานะของผู้พัฒนาและให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า “นอกเหนือจากการใช้บริการ“AIS mPAY Rabbit”แตะเพื่อชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS และรถโดยสาร BRT เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิตให้คนเมืองได้อย่างสะดวกสบายแล้ว

ลูกค้ายังสามารถใช้บริการนี้แตะเพื่อชำระค่าอาหาร ,เครื่องดื่ม หรือรับบริการจากร้านค้าต่างๆที่ร่วมให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 40 แบรนด์ 700 จุดรับแรบบิทในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ แมคโดนัลด์ , เมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ , สตาร์บัคส์ และอานตี้ แอนส์เป็นต้นได้เหมือนกับบัตรแรบบิท

อีกทั้งลูกค้าจะยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆเช่นเดียวกับบัตร แรบบิทในรูปแบบปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางโดยรถไฟฟ้าBTSที่ผู้ใช้“AIS mPAY Rabbit”สามารถเดินทางได้ประหยัดกว่าด้วยค่าโดยสารอัตราเดิมไปจนถึงสิ้นปี56และส่วนลด/ข้อเสนอพิเศษต่างๆจากร้านค้าชั้นนำมากมาย”
และนายสิทธิโชคนพชินบุตรผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคมบริษัทไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์จำกัดบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ จำกัด ในฐานะผู้นำนวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยีสุดล้ำ NFC กล่าวว่า “เนื่องจากเทคโนโลยี NFC กำลังได้รับความนิยมและมีการเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตให้แก่คนยุคใหม่ ดังนั้น ซัมซุงจึงพัฒนาสมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับเทคโนโลยีดังกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับการเปิดให้บริการ “AIS mPAY Rabbit”อย่างเป็นทางการ ลูกค้าสามารถใช้บริการ “AIS mPAY Rabbit” ได้กับสมาร์ทโฟนซัมซุงที่รองรับเทคโนโลยี NFC จำนวน 6 รุ่น ได้แก่

กาแลคซี่ โน้ต 2(Galaxy Note 2), กาแลคซี่ โน้ต 3 (Galaxy Note 3), กาแลคซี่ เอส 3 (Galaxy S3), กาแลคซี่ เอส 3 มินิ (Galaxy S3 Mini), กาแลคซี่ เอส 4 (Galaxy S4) และกาแลคซี่ เฟม (Galaxy Fame)

พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าที่ ซื้อมือถือซัมซุง 6 รุ่น ดังกล่าวตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย.56 – 31 ม.ค.57 รับฟรีซิม “AIS mPAY Rabbit”พร้อมค่าโดยสารBTS 100บาทรวมมูลค่าทั้งสิ้น500บาท”
โดยลูกค้าที่มีความสนใจบริการสามารถเปลี่ยนหรือซื้อซิม “AIS mPAY Rabbit” ได้ที่เอไอเอส ช็อปทุกสาขาในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.56 เป็นต้นไป และพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อหรือเปลี่ยนซิม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.56 – 31 ม.ค.57

รับสิทธิพิเศษส่วนลดแพ็กเกจค่าโทรและอินเตอร์เน็ตรวมทั้งรับค่าโดยสาร BTS รวมมูลค่าสูงสุด 900 บาทด้วย จากนั้นดาวน์โหลด “mPAY App”2.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดลงบนมือถือผ่านทาง Play Store และลงทะเบียน “AIS mPAY Rabbit”เพื่อเริ่มใช้งาน และเมื่อลูกค้าเติมเงินผ่าน “mPAY App” ตั้งแต่300 บาทขึ้นไป จะได้รับ mCASH เพิ่มฟรี 30 บาทด้วย (1 สิทธิ์ / 1 เดือน /1 เลขหมาย)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือดูรายชื่อร้านค้าที่สามารถใช้บริการได้เพิ่มเติมทาง http://www.ais.co.th/aismpayrabbit/

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กันไว้ดีกว่าซวย วิธีดู iPhone ย้อมแมว !! แบบ 100/100%

กันไว้ดีกว่าซวย วิธีดู iPhone ย้อมแมว !! แบบ 100/100%

สวัสดีก่อนนะครับเกี่ยวกับทางข่าวเรื่อง iPhone ย้อมแมวที่ MBK ที่อาทิตย์ก่อนมีข่าวหลุดออกมาจากร้านใน MBK เพื่อนเลยขวัญผวากันไปตามๆ กันว่า ถ้าไปซื้อจะโดนกันมั้ยเนี้ย หรือจะดูยังไงให้รอดพ้นจากมือพ่อค้าได้ยังไง วันนี้ผมจะมาสอนดูให้ ให้หายงงกันไปเลยกับ วิธีดู iPhone ย้อมแมว !! โดย Dl3Store !!
อันดับแรกต้องบอกก่อนนะครับว่า iPhone 4, iPhone 4SiPhone 5 ที่ขายกันอยู่ในบ้านเราในตอนนี้ ยกเว้น iPhone 5Sที่กำลังจะออกมา ซึ่งก็น่าจะดูเหมือนกันเพราะซีนมาจากนอกเหมือนกันครับ การดูจะมีข้อสังเกตุง่ายๆทั้งหมด 3 จุด และ มีข้อสังเกตุยากๆอีก 2 จุดดังนั้นเพื่อความชัวส์จำได้เท่าที่จำได้นะครับ

ภาพประกอบจากพันทิพ
อันดับแรกถามก่อนครับ คุณคิดว่าเครื่องไหนในภาพนี้ คือเครื่องย้อมแมวครับ !!! คำตอบคือ เครื่องที่มีซีนการห่อเครื่องแบบแข็งครับเป็นเครื่อง Re-packing หรือเครื่องห่อมาใหม่นั้นเอง เพราะทาง Apple หากคุณสังเกหตุดีๆเครื่องใหม่ทุกเครื่องจะมีตำหนิของซีนเป็นซีนแบบซีนนิ่ม และ มีมุมของซีน หรือที่เราเรียกกันว่า จุดที่ซีนมาห่อตัวรวมกันด่วยความร้อนนั้นเองครับ โดยที่ซีนแท้ตามภาพกล่องล่างจะมีซีนที่หุ้มตรงมุมกล่องที่จะดูเรียบกว่า กล่องด้านบนที่เป็น Re-Packing มานั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เหมือนกันหมดครับ เพราะทาง True มักจะมีการแกะเครื่องและห่อด้วยซีนใหม่ที่เรามักจะเรียกกันว่าซีนแก้ว ซึ่งซีนแก้วนี้จะมีคุณสมบัติที่แข็งกว่า ซีนนิ่มของทาง Apple อยู่ครับ ดังนั้นหากจับซีนและดูตำหนิการห่อตามภาพแล้วไม่แน่ใจ ให้เข้าเว็ป Apple เพื่อเช็คประกันโดยการเอาเลขหลังกล่องใส่ลงไปเพื่อตรวจดูว่าประกันเดินหรือยังครับ >> เว็ปเช็คประกัน Apple
ภาพจาก Sanook
อันดับที่สอง หน้าจอครับ หากขั้นตอนแรกผ่านแล้ว มาดูขั้นตอน 2 ให้เราเกะเครื่องมาเช็คความสว่างของหน้าจอ โดยการเปิดแสงสว่างแบบเต็มสุดๆ และดูตำแหน่งบนจอเช่น สี สีของจอ สีของแสงไฟ และสีของเม็ดสีบนจอ หากจอเหลือง หรือ แสงไฟบนจอมีตำแหน่งใดก็ตามที่แสดงสว่างดรอปไป แน่นอนครับว่าเครื่องนั้นมีการใช้งานมานานแล้ว เพราะปกติ iPhone กว่าจอจะเหลืองก็ต้องใช้งานมานานมากๆแล้ว ยกเว้นแต่จะเป็นปัญหาจากการผลิต (ถ้าใช้ให้ข้ามไปข้อ3) ดังนั้นให้ลองปรับสุด และ ดูจากจอเป็นหลักครับ
อันดับที่ 3 อันนี้คือตำแหน่งของน็อต , ถาดใส่ซิม และ , สวิตซ์บนเครื่อง น็อตของ iPhone ทุกรุ่นตั้งแต่ iPhone4 จะเป็นน็อตแบบ 5 แฉกแบบในภาพ และจะมีแค่บางรุ่นของ iPhone4 ของบางประเทศที่น็อตจะเป็นแบบ 4 แฉกเท่านั้น จะต้องมีตำแหน่งที่ทั้งสองตัว หมุนไม่เท่ากัน และ หัวน็อตจะไม่ยุบหรือ สกูลยุบลงไปอย่างเด็ดขาด รวมถึงสวิตซ์ต่างๆบนเครื่องจะต้องไม่มีการขยับหรือหลวมเช่นปุ่ม Power , Vol + - เป็นต้น สับสั้นจะต้องไม่ดังแกร็กๆภายใน และโทรเข้าเวลาสั้นจะต้องไม่มีเสียงอะไรดังผิดปกติ ลำโพงต้องไม่แตกเวลาเปิดดังสุด คนโทรเข้าออกจะต้องได้ยินชัดเจน สัญญาณต้องไม่ขายหายไม่สวิ่ง และ ถาดใส่ซิมสำหรับ iPhone4,4S จะต้องมี Code พิมที่ถาดเป็น IEMI เครื่องต้องตรงกับถาดนะครับ สำหรับ iPhone5,5S ไม่มีครับ
อันดับที่ 4 ถ้าเครื่องใหม่จริงๆจะต้องมีฟิลม์จาก โรงงานของ Apple เป็นใสๆ ปิดมาทั้งหน้าและหลัง ดังนั้นถ้าหากหากแกะออกมาจากกล่องไม่มี แสดงว่าไม่ใช่แล้วนะครับผม จะต้องมีสติกเกอร์ใส่ๆจาก Apple ปิดมาตั้งแต่อยู่ในกล่องคร้าฟ
เพียงเท่านี้ก็รอดพ้นจากการโดนต้มแล้วครับ การเช็คปละขั้นตอนการดูมันมีการดูหลากหลายออกไปตามแต่คนเลือกดูนะครับ ดังนั้นของผมแค่ชี้ทางสั้นๆให้ แต่ได้ผลแน่นอน และอีกอย่าง iPhone 3GS ถ้ามือ 1 จะมีก็มีแค่ iPhone3GS 8 GB นะครับ ส่วน 16 และ 32 หยุดการผลิตไปนานแล้วครับจึงไม่มีมือ 1 และ iPhone 4 8GB จะมีแต่มือ 1 แต่ 16GB - 32 GB ไม่มีมือ 1 แล้วครับดัวนั้นดูตำแหน่งของการดูให้ดีๆแล้วคุณจะได้ของดีมาอยู่กับตัวคุ้มค่าการเสียเงินไปแล้วแน่นอนครับ
ขอบคุณ Pantip.com สำหรับภาพประกอบ
ขอบคุณ Dr.Bia สำหรับเนื้อหาและ Edit
สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Ganglion cyst โรคคนใช้คอมพิวเตอร์ จับเมาส์ผิดท่าอาจทำให้ข้อมือมีปัญหา

Ganglion cyst โรคคนใช้คอมพิวเตอร์ จับเมาส์ผิดท่าอาจทำให้ข้อมือมีปัญหา

ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ต้องบอกว่าถึงขั้นนานมาก เกือบตลอด 14 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยแล้วใช้เมาส์และคอมพิวเตอร์ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน จะมีช่วงหลังที่ลดลงบ้างเนื่องจากหันมาใช้ Tablet ช่วยในการทำงานทำให้จับเมาส์น้อยลงและย้ายไปใช้โน้ตบุ๊คแทน ถั้าคนใช้ MacBook ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์ ทั้งหมดทั้งมวลถึงแม้ผมจะย้ายไปใช้ Tablet หรืออะไรก็ตามข้อมือก็ยังเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักอยู่ดี
คนใช้ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ถ้าใช้เป็นเวลานานหลายคนจะประสบปัญหาสุขภาพหลายอย่างอย่างผมเองเจอปัญหาแรกคือสายตาล้า เกิดอาการแพ้แสงจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกันหลาปี ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าเป็นคนที่ใส่แว่นอยู่แล้วเพียงแค่ใส่แว่นที่ช่วยกรองแสงคอมพิวเตอร์ก็สามารถช่วยได้หากไม่ได้ใส่แว่นก็จะลำบากซักหน่อย ส่วนปัญหาหวดเมื่อยต้นคอและหลังก็เป็นเรื่องปกติเวลานั่งนานๆ ซึ่งมีอีกหลายปัจจัยประกอบกันร่วมด้วย
แต่ตอนนี้ปัญหาที่ผมกำลังพบเจอกับตัวก็คือปัญหาที่ข้อมือ ก็สิ่งที่ใช้งานหนักที่สุดในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั่นแหละครับ แรกๆไม่เคยสังเกตุว่ามันเริ่มมีปัญหาแต่ต้องบอกว่ากว่ามันจะเป็นขึ้นมาได้ไม่ได้เป็นกันแค่เวลาเพียงสองสามวัน แต่ใช้เวลาสั่งสมมานานพอสมควร จากเล็กๆ จนมีขนาดใหญ่จนสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงตอนที่มันชัด จนนี่แหละครับถึงได้เอะใจเกิดอะไรขึ้นกับข้อมืออาการของมันไม่ได้ปวด ไม่ได้เจ็บอะไรครับ แต่ทำให้การใช้งานข้อมือมีปัญหาบ้างในชีวิตประจำวันเช่นงอข้อมือได้ไม่สุด หรือปวดที่ข้อมือหากงอข้อมือมาแตกทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลวร้ายครับไม่ถึงขั้นต้องกลัวจะเป็นเนื้องอกจนนำไปสู่การเป็นเนื้อร้ายอะไรหรอกครับ
ลักษณะเป็นยังไง ลองสังเกตุง่ายโดดยการลองกำมือแล้วแล้วงอเข้าหาตัว หากเป็นก้อนตรงข้อมือเป็นลูกขนาดพอๆ กับหัวเม็ดลูกอมฮอลล์ ดูตามภาพ มักเป็นในมือข้างที่ทำงานหนักถนัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแค่ข้างเดียวครับ กดดูจะรู้สึกเหมือนกระดูกแต่ถ้ากดแรงๆ จริงๆมันเป็นก้อนน้ำครับ ซึ่งจะเรียกเป็นก้อนซีสก็ได้ครับเพราะในภาษาทางการแพทย์เรียกมันว่า Ganglion cyst ตอนที่ผมไปพบคุณหมอ หมอบอกให้หยิบ iPad ขึ้นมาและพิมพ์ค้นให้ใน Google ตามคุณหมอ เจอภาพและข้อมูลเยอะมากครับรวมถึงวิธีรักษาด้วยครับ แล้วหมอก็บอกว่าไปตัดสินใจเอาครับว่าจะรักษายังไงเพราะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไรอยู่กับมันได้ หากไม่ได้มีปัญหากับการใช้ชีวิตมากก็อยู่กันไปยาวๆ Ganglion cyst เกิดขึ้นได้หลายบริเวณครับ แต่บริเวณข้อมือมีกันเป็นกันมากในคนทำงานรุ่นใหม่ที่ใช้ต้อง Commputer ทำงาน
การรักษาสำหรับ Ganglion cyst นั้นเท่าที่ทราบจากคุณหมอนะครับ สามารถทำใด้ทั้งการผ่าตัดเพื่อตัดถุงน้ำส่วนเกินนั้นออก แต่การผ่าตัดนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะไม่เป็นอีกเพราะหากมีการสร้างน้ำเพิ่มเข้ามากอีกถุงน้ำก็จะกลับมาโตเหมือนเดิม การรักษาแบบนี้เหมาะกับการทำเพื่อลดอาการปวดหรือมีปัญหาการใช้ข้อมือมากๆ
แต่ถ้าไม่ผ่าตัดอีกวีธีที่เจ็บน้อยลงกว่านั้นก็คือ การใช้เข็มดูดเอาน้ำออกจากถุงน้ำก็จะลดขนาด ซีสที่ข้อมือได้เหมือนกัน เวลาซีสโตก็ดูดน้ำออกอีกนะครับ หรือจะรักษาด้วยตัวเองก็ได้ครับ แต่ต้องทำใจหน่อย เพราะจะเจ็บแต่ไม่นาน อึดใจเดียว คือการใช้ของแข็งๆ หน่อยทุบไปที่ข้อมือบริเวณถุงน้ำเพื่อให้ถุงน้ำแตก ถุงน้ำก็จะหายไปทันทีครับ ผมเคยออกกำลังกายที่ใช้ข้อมือหนักๆ ปรากฏว่ารู้สึกเจ็บข้อมือขึ้นมา มองไปซักพักถุงน้ำมันคงแตกน่ะครับ ก้อนซีสหายไปเลย หายไปหลายเดือนเหมือนกันครับ
มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยแนะนำไปหาหมอนะครับ
วิธีรักษาแบบฝรั่งครับ มีคลิปใน YouTube เยอะมากเลยครับ เค้าเน้นใช้ bible มาทุบเราลองเปลี่ยนเป็นพระไตรปิฏกดีมั้ย อิอิ
สนับสนุนเนื้อหา: blog.butthun.com
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

Full Review Galaxy Note3 แบบ No Sponsor

Full Review Galaxy Note3 จาก Samsung

วันนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech บทความดีๆ หลังจากได้ลองเล่น Galaxy Note3 ของ Blogger อย่าง Dr.Bia  คนเก่งของเราในมุมมองของเด็กผู้ชายธรรมดาที่ได้ลองเล่น Samsung Galaxy Note 3 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของทางค่าย Samsung การรีวิวครั้งนี้เป็นการรีวิวแบบ No Sponsor ครับ มาชมกันดีกว่าว่ามีอะไรเด็ดๆ จากการรีวิวฝีมือของDr.Bia
สวัสดีครับ สำหรับแฟนเพจ Dr.Bia ทุกคน วันนี้ผมมีการ Review มวยคู่เปรียบ 1 คู่กับ Smart - Phone ส่งท้ายปี 2013 สำหรับทั้งสองค่ายวันนี้ผมจะมาพูดถึง Galaxy Note3 ครับ ซึ่งตอนนี้ได้ทำการวางจำหน่ายบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากเอาเครื่องศูนย์มา Review ก็คงไม่ใช่ Dr.Bia ผมเลยจัด Note3 4G LTE Snapdragon ตัวแรงสุดโค้งมาทดสอบในคราวนี้เลย อย่าพลาดทุกช็อดนะครับ เพราะถ้าพลาดรับรองว่า คุณจะงงต่อไปว่ามันดียังไง
 โดย ปกติเกือบทุกรุ่นของซัมซุงจะให้ปลั้ก 3 ขาแบบหลอกๆมา ซึ่งที่ผมบอกว่าหลอกมันคือปลั้กขาที่ 3 ทำจากพลาสติกครับไม่ใช่เหล็กแบบของ iPhone ครับ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้งานครับ ใช้ได้ปกติเลย
หูฟังของ Note3 มาแบบใหม่ที่ดีกว่า Note2 อยู่ตรงที่ว่า สายจะเป็นแบบสายแบน ขนาด 2.2 mm หัวเสียบ 3.5 mm มาตรฐานทั่วๆไป เป็นแบบ in-ear ถามว่าเสียงเป็นไง ? เสียงดีกว่า Ear-Pod ครับ จบนะ เพราะ in-ear ย้อมดีกว่า หูธรรมดาทั่วไปอยู่แล้วเรื่องการเก็บเสียง แต่ถ้าไปวัดกับ Apple in-ear คุณภาพไม่ต่างกันครับ
 ฝาหลังเหมือนเดิม เป็นพลาสติกครับ โดยที่ขอบๆ ของเครื่องนั้นถูกทำมาให้สีมันดูเหมือนทำมาจากเหล็กผสม หรืออลูมิเนียม แต่ขอโทษครับมันคือพลาสติกอัดแข็งครับ + ชุบโคเมียมครับ ถามตกก็แตกได้เหมือนกันครับ  
 แต่ก็ไม่ใจร้ายนะครับ ฝาหลังทำจากพลาสติก แต่ข้างหลังเป็นหนังแบบกระกบมา หนังทำมาจาก หนังสังเคราะห์แบบบางๆ ให้ความรู้สึกได้ว่านุ่มมือมากครับ และถ้าเปื้อนอะไรก็สามารถเช็ดออกได้เช่นกันครับ 
ด้านในเป็นแบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh ถ้าเล่นทั้งวัน 3G สบายๆ ครับ ไม่มีปัญหาเรื่องแบตแดงหรือเกลี้ยงแน่นอน ที่ใส่ซิมยังคงเป็น Micro-Sim และ ย้ายตำแหน่ง SD Card มาไว้เหนือซิมด้วยการเสียบเข้าไปได้เลย รวมๆ น้ำหนักเครื่องพอๆ กับ Samsung Galaxy Note 2 นะครับ 
 เมนูออกมาแบบมาใหม่โดยการแยกออกเป็นหมวดหมู่มากกว่าเดิมเข้าใจง่ายกว่าเดิม และที่สำคัญเรายังสามารถที่จะเรียนรู้การใช้งานคำสั่งพิเศษของพวกการโบกมือ หรือ สายหัวรับสาย และอื่นๆ อีกมากมาย
 ซึ่งส่วนใหญ่ๆ ไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Samsung Galaxy S4 มากนะครับ แต่ความน่าใช้มันอยู่ที่ขนาดสำหรับคนที่ชอบอะไรทำงานสะดวกๆ ไม่ต้องพก Tablet อีกเครื่อง 
ด้วยสเป็คความแรงของมัน อันนี้บอกตรงๆ ว่าปลื้ม เพราะเครื่องศูนย์ไทยจะเป็น CPU 4 Core 1.9 แต่เครื่องนอก Snapdragon จะเป็น 4 Core 2.3 แรงกว่าแบบไม่ต้องสืบ ประหยัดไฟมากกว่าไม่ต้องห่วง แถมยังมีกราฟฟิคชิพมาเพิ่มอีก 1 ตัวเป็น Aderno 
 จับมา benchmark ผลก็ตามภาพครับ ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆอย่าง LG G2 ก็สู่สีจนน่าสนใจมาก แต่ Note3 ลูกเล่นเยอะกว่านะครับ แต่ถ้ามองรุ่นเก่าๆ ก็อย่าเอามาเทียบเลยครับ วัดกันยากกว่าหลายประเด็นครับ 
แป้นพิมพ์ไทย, อังกฤษก็สะดวกปุ่มใหญ่พิมพ์สบาย และการใช้งานสลับภาษา แทรกอักษรต่างๆก็ทำได้โดยง่ายแค่กดเหมือนกันครับหรือจะเอาปากกาเขียนเลยก็ได้ครับ ได้ทั้งหมดแล้วแต่เราสะดวกแบบไหน
 ตัวปรับแต่งการเชื่อมต่อ และ ทางลัดต่างๆ ทำได้โดยการรูดลงมาแบบเดิมครับ เปรียนตำแหน่งต่างๆได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่ครับ
 เรื่อง ดู VDO ไม่ต้องห่วงครับเต็มจอภาพไม่แตก ลื่นไหลสบาย เพราะหน้าจอมีความระเอียดสูง และเมื่อเล่น YouTube จะตัดเป็น HD ทันทีที่เราวางแนวนอนครับ ลูกเล่นเหมือน iPhone ครับ
 ดึงปากกาออกมาก็จะพบกับ เมนูทางลัดการจดบันทึกต่างๆทันที ปากกาเป็นเลเซอร์ชี้จุดบนหน้าจอ โดยที่เราไม่ต้องวางปากกลงไปด้วย ไม่ว่าจะแคปภาพ หรือ แต่งภาพทำได้โดยง่ายครับ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ก็มีความระเอียดสูงมากครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาพแตกไม่ชัด เพราะชัดเทียบเท่ากับ iPhone 5S เผลอๆดีกว่า แต่ขาดไปอย่างเดียว iPhone 5S แท็กเจอร์ดีกว่าครับ ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ดูสบายตากว่าครับ ความละเอียด 13 ล้านถ่ายสโลโมชั่นได้แบบเดียวกัน แต่ VDO ถ่ายความละเอียดสูงสุด 4K ครับ เทพที่สุด ณ ตอนนี้ครับ
ในส่วนของเกมก็ลื่นและไหลสบายครับ เล่นได้ไม่มีสะดุดครับ ภาพไม่ได้แตกต่างอะไรจาก iPhone ครับยกเว้นเรื่องรายละเอียดที่ Android จะปรับอะไรได้เยอะกว่าเท่านั้นเอง 
 App ก็ไม่ได้มีความแตกต่างจาก iOS เท่าไรครับหลักๆ Line , instagram , ทุกอย่างมีในทั้งสอง OS แต่ Facebook ของ iOS นั้นมีการอัพเดทไปใกล้กว่าของ Android ครับ แต่รวมๆเหมือนกันเกือบทั้งหมดครับ
 ทดสอบ การเล่น web ก็เร็วใช้ได้ดีมากครับ ไม่ว่าจะเข้าเว็ปอะไรไม่มีค้างไม่มีสะดุด แถมไวกว่า iOS ครับ เพราะบางเว็ปที่มีการรัน Flash iOS จะช้าไปนิดนึง เพราะเล่น Flash ไม่ได้เท่านั้นเองครับ
 อีก 1 ฟังก์ชันสำคัญที่น่าใช้ก็คือ 2 หน้าจอนั้นเองครับ ทำงานพร้อมกันอย่างดู YouTube ไปด้วย เล่น Facebook ไปด้วยก็ไม่มีัปัญหาสะดุดครับ สบายๆ
 EQ ของ Music ติดเครื่องมี Amp ติดมากับ App ด้วยนะครับ เรื่องเสียงเอาหัวเป็นประกันไม่ต้องเบิร์นไฟล์ให้เสียเวลา Note3 แจ๋มกว่าเยอะครับ EQ หลากหลาย มิติเสียงแยกชัดกว่า จังหวะเสียงดีกว่าครับ คอนเฟิร์ม 
 ก็อย่างว่า App ใน Play Store มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก Apple Store ครับเพราะเหมือนๆกันจะต่างกันได้ไงละ เพราะ App เดียวกันคนพัฒนาคนเดียวกัน มันก็มีทั้งคู่ไงครับ ^^
สเปค Samsung Galaxy Note 3 (Note III) เครื่องศูนย์ไทย อ่านดีๆนะ เพราะต่างกันเยอะ
- ขนาดของตัวเครื่อง 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักของตัวเครื่อง 168 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- ชิปประมวลผล Exynos 5 Octa 5420 ความเร็ว 1.9 GHz แบบ Octa-Core (สำหรับรุ่นที่ขายในไทย)
- ชิปประมวลผลกราฟฟิค Mali-T628 MP6 
- หน่วยความจำ (RAM) 3 GB
- หน่วยความจำภายใน สำหรับเก็บข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh- รองรับการเชื่อมต่อ 3G, WiFi, GPS, A-GPS, NFC
- ระบบ Accelerometer Sensor, Proximity Sensor, Gyro Sensor
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 (Jelly Bean)
 สเปค Samsung Galaxy Note 3 (Note III) เครื่องนอกที่เอามา รีวิว
- ขนาดของตัวเครื่อง 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 168 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1080x1920 พิกเซล (386 ppi) แบบ Super AMOLED
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 ความเร็ว 2.3 GHz แบบ Quad-Core
- หน่วยความจำ (RAM) 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บข้อมูลขนาด 32GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุด 64 GB
- กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
- รองรับการถ่ายวีดีโอ ที่ความละเอียดสูงสุดในระดับ UHD (4K) ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth 4.0, USB 2.0, NFC
- มีระบบ GPS และ A-GPS ในตัว
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Compass, Thermometer, Barometer, Humidity
- เซ็นเซอร์ Light sensor, Proximity sensor
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean
สรุปสั้นๆ
ใครชอบอะไรจับถนัดไม่เกี่ยงเรื่องขนาด ผมว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีอีก 1 ตัวในราคา Start ที่ 21500 - 23800 บาทเท่านั้นเอง และกล้องก็ชัดในระดับที่ดูดี แถมปากกามีลูกเล่นที่เยอะมาก และ คำสั่งมือแค่โบกเราก็รับสายวางสาย ได้ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ครบในเครื่อง แถมแบตก็มาอึดมาก และใช้งานหนักๆ ใน 1 วันสบายๆ
เรื่องการฟังเพลง ดู VDO บอกตรงๆกินขาดเพราะขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าความระเอียดดูดีกว่า และฟังเพลงผ่านหูฟัง ตัวเลือกนี้เด็ดจริงอะไรจริง ผมคอนเฟิร์ม ฟังในนี้เสียงก็ฟังได้ดีนะครับ
จบละ....
สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สรุปงานเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นใหม่ๆ ทั้งหมด

iPad Air (iPad 5) เปิดตัวแล้ว! 

มาพร้อมหน้าจอ 9.7 นิ้ว ตัวเครื่องบางลง 20% ใช้ชิป Apple A7 เบาสุดเพียง 469 กรัม จำหน่าย 1 พฤศจิกายนนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPad 5 (ไอแพด 5) ในชื่อใหม่ กับ iPad Air ที่มีการปรับดีไซน์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับ iPad mini นั่นเอง
โดยขอบหน้าจอ บางลง เพียง 0.7 มิลลิเมตร บางกว่ารุ่นก่อนหน้า 45% และจุดเด่นที่สำคัญก็คือ iPad Air (iPad 5) น้ำหนักเบามาก เพียง 469 กรัมเท่านั้น มาดูจุดเด่นอื่นๆ ของ iPad Air หรือ ipad 5 กันครับ
iPad Air (iPad 5) มาพร้อมหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว แบบ Retina Display ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซลซึ่งสเปคในส่วนนี้ ยังคงเหมือนกับ iPad 4 แต่ความเปลี่ยนแปลงก็คือ ดีไซน์ที่เปลี่ยนไป ใกล้เคียงกับ iPad mini มากขึ้น โดย iPad Air นั้น บางเพียง 7.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งบางลงกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% และน้ำหนักอยู่ที่ 469 กรัม เบากว่าเดิม 28% ครับ
สำหรับชิปประมวลผลบน iPad Air (ipad 5) เป็นชิป Apple A7 แบบเดียวกับที่ใช้บน iPhone 5S (ไอโฟน 5S) นั่นเอง ซึ่งรองรับการประมวลผลแบบ 64-bit และชิป M7 coprocessor อีกด้วย โดยชิป Apple A7 นี้ ทำให้ iPad Air ประมวลผลทั้งด้าน CPU และ GPU ได้เร็วกว่า iPad 4 ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ ยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่อีกด้วย โดยรองรับการใช้งานนานถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ในส่วนของการเชื่อมต่อนั้น iPad Air ใช้เสาสัญญาณ 2 ตัว และเทคโนโลยี MIMO ทำให้รองรับสัญญาณ Wi-Fi ได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดเท่าเดิมที่ 5 ล้านพิกเซล ไม่รองรับไฟแฟลช กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังประกอบด้วย ไมโครโฟน 2 ตัว เพื่อความคมชัดของเสียงขณะถ่ายคลิปวีดีโอครับ
ราคา iPad Air (iPad 5)
โดย iPad Air (iPad 5) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Space Gray และ สีเงิน Silver ส่วนหน่วยความจำในตัวเครื่อง มีให้เลือก 4 ความจุด้วยกัน ได้แก่ 16GB, 32GB, 64GB และ 128GB ราคาเป็นดังนี้ครับ
รุ่น Wi-Fi
• iPad Air 16GB Wi-Fi ราคา $499
• iPad Air 32GB Wi-Fi ราคา $599
• iPad Air 64GB Wi-Fi ราคา $699
• iPad Air 128GB Wi-Fi ราคา $799
รุ่น Wi-Fi + Cellular
• iPad Air 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา $629
• iPad Air 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา $729
• iPad Air 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา $829
• iPad Air 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา $929
วันวางจำหน่าย iPad Air (iPad 5)
iPad Air (ipad 5) วางจำหน่ายวันแรก 1 พฤศจิกายนนี้ ใน 41 ประเทศทั่วโลก ซึ่งยังไม่มีรายชื่อ ประเทศไทย ในรอบแรกครับ แต่มีประเทศในแถบเอเชีย ที่วางจำหน่ายรอบแรกด้วยเช่นกัน ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งต้นเดือนหน้า เราจะได้เห็น iPad Air เครื่องหิ้วในไทยอย่างแน่นอนครับ
ส่วนกำหนดการวางจำหน่าย iPad Air (ipad 5) ในไทย ถ้าหากมีความคืบหน้า ทีมงาน techmoblog จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันอย่างแน่นอน ติดตามกันได้ครับ
iPad 4 ปรับราคาลงแล้ว
ตามธรรมเนียมครับ เมื่อมีการเปิดตัว iPad 5 (iPad Air) ทำให้ iPad รุ่นก่อนหน้า อย่าง iPad 4 ได้ปรับราคาลงแล้ว ซึ่งบน Apple Online Store ประเทศไทย ได้ปรับราคา iPad 4 ใหม่ ดังนี้ครับ
รุ่น Wi-Fi
• iPad 4 16GB Wi-Fi ราคา 14,900 บาท
• iPad 4 32GB Wi-Fi ราคา 17,900 บาท
• iPad 4 64GB Wi-Fi ราคา 21,400 บาท
• iPad 4 128GB Wi-Fi ราคา 24,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular
• iPad 4 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา 18,700 บาท
• iPad 4 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา 22,400 บาท
• iPad 4 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา 25,900 บาท
• iPad 4 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา 29,400 บาท
บทความที่เกี่ยวข้องกับ iPad mini 2 (ไอแพด มินิ 2)
 ข้อมูลโดย : techmoblog.com


ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

สรุปงานเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นใหม่ๆ ทั้งหมด

สรุปงานเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นใหม่ๆ ทั้งหมด

เป็นที่รอคอยสำหรับการจัดงานเปิดตัวของ Apple ในส่วนของปลายปีนี้ โดยจะเป็นวันที่ 22 ตุลาคม (โดยถ้าคิดตามเวลาในไทยก็คือตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 22 ล่วงเข้าวันที่ 23 ตุลาคม) สำหรับสถานที่จัดก็คือที่ Yerba Buena Center for the Arts ที่เป็นหอศิลป์ในซานฟรานซิสโกที่ Apple เคยใช้จัดงานมาแล้ว
ผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงานได้แก่
OS X Mavericks  : อัพเดทเป็น OS X 10.9 Mavericks ที่มีอินเตอร์เฟซใหม่สวยงาม คล้าย iOS 7
MacBook pro Retina Display : อัพเกรดสเปกให้แรงขึ้นด้วยชิปประมวลผล Intel Hawell 4th Gen และกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ๆ พร้อมใช้งานได้นานขึ้น 
กำหนดการวางจำหน่ายของ MacBook Pro Retina Display รุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นเริ่มวางจำหน่ายวันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องรอ ไม่ต้องจอง ถือเงินมาอย่างเดียว
Mac Pro : ในที่สุดเราก็ได้เห็นเครื่องจริงๆ พร้อมรายละเอียดชัดเจน จากการที่จะพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการเร็วๆ สักทีสำหรับ Mac Pro

สเปคอย่างเป็นทางการของ Mac Pro

iPad Air เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ถึงกับตกใจไปนิดหน่อยสำหรับชื่อใหม่ของ iPad รุ่นใหม่ ที่ถูกเรียกว่า iPad Air iPad Air ขอบหน้าจอบางเพียง 0.7 มม. ตัวเครื่องบาง 7.5 มม. น้ำหนัก 450 กรัม ก็ราวๆ ครึ่งกิโลกรัม ขนาดหน้าจอ 9.7ความละเอียด 2048x1536 พิกเซล
คุณสมบัติเบืองต้นของ iPad Air
  • ขอบจอบางลง
  • ตัวเครื่องบางลง
  • หนัก 1 ปอนด์
  • เป็น Tablet บางที่สุดในโลก
  • Apple A7 ตัวล่าสุด (ที่อยู่ใน iPhone 5S) รองรับ 64 Bit
  • กล้องหลัง 5 ล้านชิป M7 Motion Co-processor
  • WiFi with MIMO
  • ซีพียู Apple A7 -64bit
  • กล้องหลังเท่าเดิมที่ 5 ล้านพิกเซล ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
iPad Air ราคามาที่ 499 เหรียญสำหรับรุ่น Wi-Fi ความจุ 16GB และ 629 เหรียญสำหรับรุ่น LTE+Wi-Fi ความจุ 16GB ส่วนรุ่นเล็กลงมาเป็น iPad 2 ที่ยังขายที่ราคา 399 เหรียญ เริ่มขายรวดเดียวมากกว่า 40 ประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
คลิกอ่านรายละเอียดของ iPad Air เพิ่มเติม  “iPad Air” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
iPad mini รุ่นใหม่มีอะไรบ้าง? iPad mini with Retina Display ความละเอียดจอ 2048x1036 พิกเซล (324 PPI) มาพร้อม ซีพียู A7 กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้งานได้ 10 ชั่วโมง รองรับ LTE เหมือนเดิมทุกอย่าง แค่จอเรติน่าที่เปลี่ยนไปเท่านั้น




คลิกอ่านรายละเอียดของ iPad Air เพิ่มเติม  iPad mini รุ่นใหม่มีอะไรบ้าง?

สรุปงานสำหระบคคืนนี้นั้นก็ผ่านไปด้วยดี ผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นใหม่ๆ ออกมาให้เราเสียเงินอีกเช่นเคย อาจจะมีตกใจบ้านก็คงเป็นชื่อของ iPad Air ที่ก่อนหน้านี้นั้นสื่อต่างๆ ต่างคาดการณ์ว่าจะใช้ชื่อ iPad 5 และจะมีสีทองออกมาเพิ่ม เช่นเดียวกับ iPhone 5S นั้นเอง

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com