วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

Samsung Galaxy Note 3 drop test มาแล้ว !

Samsung Galaxy Note 3 drop test มาแล้ว

[01-ตุลาคม-2556] ชม iPhone 5S (ไอโฟน 5s) vs iPhone 5C (ไอโฟน 5c) drop test กันไปแล้ว คราวนี้ มาชม สมาร์ทโฟนคู่แข่ง อย่าง Samsung Galaxy Note 3 drop test โดยทีมงาน androidauthority เจ้าเก่ากันบ้างครับ มาดูกันว่า Samsung Galaxy Note 3 หลังจากเพิ่ม หนังเทียม เข้ามาในด้านหลัง จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน ให้กับตัวเครื่องบ้างหรือไม่
โดยผู้ทดสอบ ได้ทำการ drop test Samsung Galaxy Note 3 ความสูงระดับหน้าอก และได้ทำการปล่อยทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน ทั้งด้านหลัง ด้านข้าง และด้านหน้าตัวเครื่อง ซึ่งผลการทดสอบนั้น พบว่า ถึงแม้ตัวเครื่องจะมีรอยจากการตกกระแทก และด้านจอแตก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดี รวมไปถึงปากกา S Pen อีกด้วย ชมคลิป Samsung Galaxy Note 3 drop test กันได้ ที่ท้ายข่าวครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม : androidauthority.com
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ

5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ

คงเซ็งในอารมณ์ไม่ใช่น้อยหากคุณพบว่า ไวไฟ (Wi-Fi) ในบ้านไม่เอื้ออำนวยให้การอ่านข่าวบนไอแพด (iPad) ยามเช้าไหลลื่นหมือนกาแฟที่กำลังดื่มอย่างคล่องคอในขณะนั้น บทความนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะปรับแต่งการใช้งานให้สัญญาณ Wi-Fi ในบ้านแรงขึ้น เพื่อการท่องเน็ตที่มีความสุขยิ่งขึ้น
สำหรับ เทคนิคที่นำมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้จะมีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน โดยหากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ได้ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เชื่อว่า คุณจะสามารถเพิ่มระยะของการครอบคลุมสัญญาณไวไฟที่ไกลกว่าเดิม และประสบการณ์ในการท่องเน็ตไร้สายทีเร็วขึ้น ว่าแล้วลองมาดูกันครับว่า มีวิธีใดบ้าง?
1. อัพเดทเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้  หาก เราท์เตอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ของคุณ ไม่ได้ล่าสมัยจนเกินไป (ไม่เกิน 3 ปี) ระบบทั้งหมดน่าจะสนับสนุนการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน Wirelee-N ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมันเข้ากันได้ แนะนำให้ตั้งค่าของเราท์เตอร์เป็น N-mode only เพื่อให้ได้ความเร็ว และรัศมีครอบคลุมการใช้งานสูงสุด การคั้งค่าเป็น b/g/n เพื่อให้สนับสนุนการเชื่อมต่ออุปกรณ์รุ่นเก่าทีทำงานช้ากว่า หากพีซีทีใช้มาพร้อมกับการ์ดเชื่อมต่อด้วย Wireless-G แนะนำให้มารุ่นใหม่ที่เป็น Wireless-N มาใส่แทน อย่างไรก็ตาม การซื้อเราท์เตอร์ใหม่ที่ไม่สนับสนุน Wireless-N มีโอกาสที่มันจะไม่สนับสนุนการเข้ารหัสระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดด้วย ก่อนตั้งค่าเป็น Wireless-N แนะนำให้คุณตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตด้วยว่า เฟิร์มแวร์ของเราท์เตอร์ที่คุณใช้อยู่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้ได้แล้ว หรือยัง? ลองตรวจสอบ และทำตามดูนะครับ แล้วคุณจะพบกับประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บไร้สายภายในบ้านของคุณ
2. หาฮวงจุ้ยที่เราท์เตอร์สามารถให้สัญญาณได้แรงที่สุด เราท์เตอร์ ไม่ได้เป็นแก็ดเจ็ตที่สวยหรูดูดี ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบวางมันหลบๆ ซ่อนๆ ไว้ แต่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากๆ เพราะเราท์เตอร์เป็นอุปกรณ์ขี้ร้อนและมันต้องการที่ทีมีอากาศถ่ายเทสะดวก ดังนั้นควรวางมันในที่เปิดโล่ง อย่างเช่น ตรงกลางบ้าน พยายามให้อยู่ห่างจากผนัง และสิ่งกีดขวาง อย่างเช่น ตู้เอกสารที่ทำจากหล็ก ไม่ควรวางเราท์เตอร์ให้เสาสัญญาณชิดติดกำแพง หรือออกไปนอกอาคาร เพราะจทำให้สูญเสียสัญญาณครึ่งหนึ่งที่ส่งออกไป แถมยังอาจจะกลายเป็นการสร้างจุดบอดของสัญญาณภายในบ้านซะด้วยซ้ำ ฮวงจุ้ยที่ดีทีสุดสำหรับการติดตั้งเราท์เตอร์คือ ที่สูงดีกว่าที่ต่ำ โดยเฉพาะบ้านสองชั้น ถ้าจะให้ง่ายหน่อยแนะนำให้คุณวางเราท์เตอร์ไว้เหนือชั้น หรือบนตู้สูง และไม่อยู่ชิดติดสิ่งกีดขวางที่อาจบล็อคสัญญาณได้
3. เปลี่ยนช่องสัญญาณ  การส่งสัญญาณไวไฟก็จะคล้ายๆ กับการทำงานของสถานีวิทยุ เราท์เตอร์ไร้สายถสามารถส่งสัญญาณไปบนช่องที่แตกต่างกัน ซึ่งหากคุณและ เพื่อนบ้านที่ใช้ไวไฟช่องสัญญาณเดียวกัน มันก็จะเกิดการแบ่งกันใช้เป็นธรรมดา ปัญหานี้อาจไม่เกิดขึ้นกับคุณหากเราท์เตอร์ที่ใช้มีคุณสมบัติการเปลี่ยนช่อง สัญญาณโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่มี การปรับแต่งเลือกช่องสัญญาณทีมีการรบกวนน้อยสุดจะช่วยให้คุณได้สัญญาณไวไฟ ที่แรงขึ้น ลองศึกษาคู่มือ หรือค้นหาวิธีเปลี่ยนช่องสัญญาณ (Channel) ทีมีให้เลือก 1 - 11 แชนเนล จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเราท์เตอร์
4. ลดสัญญาณรบกวน นอก จากการอัพเดทเทคโนโลยีทีใช้ ค้นหาฮวงจุ้ยของเราท์เตอร์ที่เหมาะสม เปลี่ยนแชนเนลสัญญาณที่ไม่ไปชนกับใครแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความแรง และระยะในการส่งสัญญาณไวไฟให้กับเราท์เตอร์ของเราก็คือ การลดสัญญาณรบกวนการทำงานจากอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ความถี่ใน ย่าน 2.4GHz อย่างเช่น โทรศัพท์ไร้สายภายในบ้าน เครื่องส่งสัญญาณเตือนเด็กตื่น และอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ตลอดจนเตาอบไมโครเวฟ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งคลื่น 2.4GHz ที่แรงมาก จนรบกวนให้สัญญาณ Wi-Fi ของคุณสู้ไม่ได้ แนะนำให้วางเราท์เตอร์ห่างไกลจากอุปกรณ์เหล่านี้จะดีกว่า
5. ดูแลเน็ตเวิร์กให้ปลอดภัย สำหรับ วิธีสุดท้ายที่จะช่วยให้สัญญาณไวไฟของคุณไม่ถูกแอบใช้โดยชาวบ้านจนอืดยืดยาด ไปหมด เนื่องจากการ Home Wi-Fi จะมีการปล่อยสัญญาณออกไปนอกบ้าน หากคุณไม่ทำการตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้ อย่างเช่น การเข้ารหัส ซึ่งเราท์เตอร์ใหม่ๆ วันนี้จะได้รับผลกระทบต่อประสิทธิภาพความเร็วน้อยมาก แต่มันย่อมดีกว่า การโดนข้างบ้านแอบบใช้สัญญาณไวไฟของคุณ ท่องเน็ต โหลดบิต ดูยูทูบ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ แฮคเกอร์สามารถใช้เน็ตเวิร์กที่ไม้ได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยขโมย ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อได้ ในที่นี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ได้ตั้งค่าการเข้ารหัสด้วย WPA2 และใช้พาสเวิร์ดที่แข็งแรง
หวัง ว่า คำแนะนำง่ายๆ เหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ และทำให้คุณผู้อ่านได้ประสบการณ์ในการใช้โฮมไวไฟทีครอบคลุม และแรงเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการอ่านข่าวบนไอแพดจะได้คล่องคอเหมือนกับกาแฟที่กำลังดื่มนะครับ :D
สนับสนุนเนื้อหา: Arip

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

Drive Test ทดสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์มือถือ 5 ค่าย

 Drive Test ทดสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์มือถือ 5 ค่าย

สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน 3G Drive Test ที่จัดขึ้นโดย กสทช. ร่วมกับรายการแบไต๋ไฮเทค ซึ่งทำการนำ Blogger 40 กว่าชีวิตไปร่วมขับรถทดสอบสัญญาณมือถือทุกเครือข่ายภายในกรุงเทพมหานคร โดยไม่ได้มีการจัดเตรียมเส้นทางใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการเดินทางไปเส้นทางไหนนั้นจะใช้เสียงโหวตจาก Blogger ในการกำหนดเส้นทางเป็นหลัก เพื่อความ “โปร่งใส ยุติธรรม เห็นกันจะจะ” (เค้าว่ามาอย่างนั้น)
เริ่มงาน...
กำหนดการเริ่มต้นที่ 9.00 น.ซึ่งก็มี Blogger ทยอยมาที่บริเวณอาคาร กสทช. เรื่อยๆ จนถึงเวลาประมาณ 9.30 น.ก็เริ่มพิธีการอย่างเป็นทางการโดยคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เจ้าของรายแบไต๋ไฮเทค ได้เริ่มแนะนำกิจกรรมและความเป็นมาถึงเหตุผลที่จัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อไขข้อข้องใจว่า กสทช. ทดสอบสัญญาณมือถือของแต่ละเครือข่ายอย่างไรและมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
class=bb-image
กสทช.จะใช้รถ Honda CRV G3 สีดำ ที่มีสติ๊กเกอร์ว่ารถทดสอบสัญญาณของสำนักงาน กสทช คาดเอาไว้ โดยหลังรถมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบสัญญาณซึ่งมันก็คือ โทรศัพท์มือถือ Android ยี่ห้อ Samsung 10 กว่าเครื่องใส่ซิมเติมเติมเงินของทั้ง 5 ค่ายไว้ ได้แก่ AIS, DTAC, Truemove H, CAT และ TOT ครับ
class=bb-image
class=bb-image
หลังจากแนะนำอุปกรณ์เสร็จแล้ว พอ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานกทค. หรือ “พี่มาร์ช” ก็ได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้น Blogger ที่ไปร่วมงานจะได้เสื้อ “นักทดสอบสัญญาณ” มาใส่กันทุกคนครับ ตอนนี้พวกเราก็พร้อมออกเดินทางกันแล้วล่ะ
class=bb-image
ออกเดินทาง...
จำรถ CRV คันเมื่อกี๊ได้มั้ยครับ? เราไม่ได้นั่งเจ้ารถคันนี้ไปทดสอบสัญญาณกันแน่นอน จะนั่งยังไงไหวตั้ง 40 กว่าคน ทาง กสทช. ได้จัดเตรียมรถบัสคันใหญ่พร้อมติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณจากโทรศัพท์ทือถือและ จอ LCD ขนาดใหญ่แสดงผลการวัดสัญญาณให้ Blogger ทุกคนได้เห็นกันระหว่างเดินทางครับ
class=bb-image
สำหรับเส้นทางที่ใช้เดินทางกันวันนี้ค่อนข้างจะวกไปวกมาเพราะ Blogger โหวตจะเข้าไปสยามกันแต่ติดงาน Car Free Day สุดท้ายเส้นทางเลยเป็นเริ่มแรกออกเดินทางออกจากสำนักงาน กสทช ที่ซอยสายลม แล้วมุ่งหน้าไปทางถนนวิภาวดีรังสิตตรงไปทางดอนเมือง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้ารามอินทราเพื่อขึ้นทางด่วนไปลงที่ยมราช แล้วจึงวกกลับมาทางสามย่านหน้าสำนักงานใหญ่ Dtac ที่จามจุรีสแควร์ ผ่านสวนลุมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุ เลี้ยวซ้ายอีกทีผ่านหน้าสยาม ตรงไปขึ้นทางด่วนยมราชอีกครั้งเพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ และจอดที่จุดสุดท้ายที่ Mega Bangna
class=bb-image
หลังจากนี้จะเป็นข้อมูลวิธีการทดสอบและผลการทดสอบที่ทาง กสทช. จัดทำเป็นเอกสารไว้ให้ โดยการทดสอบจะทำบนเครือข่ายทั้งหมด 5 เครือข่าย ดังตาราง
class=bb-image
วิธีการทดสอบจะทำการทดสอบทั้ง Voice Call และ Data Service ดังนี้
  • Voice Call จะเป็นการทดสอบโทรเข้าเบอร์บ้านหรือ Fixed Line แล้ววางสาย ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
  • Data Service จะเป็นการ download file ขนาด 5 MB จาก FTP Server ของ กสทช. ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ
เลขที่ออก...
สำหรับผลการทดสอบที่ได้ออกมาเป็นดังนี้
ผลการทดสอบในวันนี้ AIS สามารถทำได้ดีกว่าเครือข่ายอื่นในทั้ง 2 ด้านคือ Voice Call และ Data Service แต่อย่างที่ทาง กสทช. ย้ำเสมอ เราไม่สามารถนำผลการทดสอบแค่ 1 วันไปวัดว่า ใครดีกว่าใคร หรือ ใครชนะใคร ได้ เพราะมันต้องอาศัยการเก็บข้อมูลเป็นปี และมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่การวาง Cell site เพราะตลอดเส้นทางการทดสอบนั้น ทุกเครือข่ายผลัดกันดีผลัดกันแย่ไปตลอดเส้นทาง หรือเรื่องความหนาแน่นของเครือข่าย เช่น หาก True มีผู้ใช้บริการมากกว่าในพื้นที่หรือช่วงเวลานั้นก็ย่อมทำคะแนนได้น้อยกว่า เป็นธรรมดา (อันนี้ กสทช. ยกตัวอย่างนะครับ) ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์สุดท้ายที่เราอยากจะเห็นคือ ทุกเครือข่ายสามารถให้บริการสัญญาณที่มีคุณภาพและครอบคลุมอย่างคำโฆษณาที่ให้ไว้มากกว่า
ทิ้งท้าย...
ต้องขอขอบคุณทาง กสทช. และแบไต๋ไฮเทคที่จัดงานนี้ขึ้นมา ทำให้เราได้เห็นข้อมูลการทำงานเพิ่มเติมของ กสทช. ว่าทำอะไรไปกับเครือข่ายที่อยู่ในความดูแลบ้างและขอขอบคุณเป็นการส่วนตัว สำหรับ Mod ทั้ง 3 คนที่ไม่มีใครว่าง Mod เนยไปอยู่สิงคโปร์ ส่วน Mod กิมไปเที่ยวญี่ปุ่น และ Mod พัทไปตระเวณแดนมังกร ทำให้ผมเป็นผู้โชคดีไปเป็นตัวแทนของ DroidSans ในงานครั้งนี้ และเหมือนโชค 3 สามชั้นที่ผมได้เจอ 3 ท่านนี้ตัวเป็นๆในงาน คือ น้องเก่ง kawiz , คุณเฟื่องลดา พิธีกรจากแบไต๋ และคุณเอิ้น ปานระพี ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 มีความประทับใจเป็นส่วนตัวกับทั้ง 3 ท่านจึงถือว่าเป็นการร่วมงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต 555
แถมท้ายอีกนิดกับ clip การซ้อมคิวถ่ายราย IT24Hrs ของคุณเอิ้น ปานระพีที่ผมถ่ายเก็บไว้เพราะคุณเอิ้นมายืนข้างๆผมเลยครับ
ที่มา: ผลการทดสอบจาก กสทช. และภาพน้องเก่งจาก @kengkawiz
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ
โดยคุณ: laruku

Full - Review : จัดเต็ม iPhone5S สุดยอดสมาทรโฟน

Full - Review : จัดเต็ม iPhone5S สุดยอดสมาทรโฟน

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาทำการ Review iPhone 5s ที่หลายๆคนกำลังให้ความสนใจ โดยการ Review จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 ส่วน อันนี้คือส่วนที่ 1 ครับส่วนที่ 2 จะเป็นการทำ VDO ซึ่งจะทำต่อพรุ่งนี้วันนี้เรามาดูส่วนนี้ก่อนครับ มารู้จักระบบใหม่ของปุ่มโฮมที่มีการตรวจจับลายนิ้วมือก่อนครับ
iPhone
 โดยที่ตัวกล่องของ iPhone 5S นั้นจะทำออกมาหน้ากล่องแบบสมัยของ iPhone รุ่นแรกๆครับ คือออกมาทั้งหน้าจอ Lockscreen เลย ส่วนข้างกล่องจะสกรีน iPhone5S ติดข้างๆครับ
iPhone
 โดยที่แกะกล่องออกมาแล้วนั้นจะมีพลาสติกใสติดทั้งหน้าและหลังของเครื่อง เหมือนเดิมกับiPhone5 และ การแพ็คมาทั้งหมดจะเหมือนกับiPhone5 ครับ 
iPhone
 อุปกรณ์ มาตรฐานของติดมากับกล่องจะมี ปลั้กชาร์ตที่จะให้แตกต่างกันไปตามประเทศที่จำหน่าย(ของไทยห่วยแตกสุด) และจะมีสาย USB 1 เส้นอยู่ในซีนพลาสติก และ หูฟัง Ear-Pod จะอยู่ในกล่องสีขาวพร้อมซีนพลาสติกหุ้มมาอีก1ชั้นครับ พร้อมคู่มือและเข็มจิ่มซิมออก
iPhone
 และ นี้คือหน้าตาชัดๆของปุ่มโฮมใหม่ของ iPhone5S ที่กำลังจะเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคตของ Apple โดยที่ iPhone5S ไม่ได้มีการจับลายนิ้วมือที่หน้าจอตามที่เป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้ครับ แต่จะจับที่ปุ่มโฮมครับ และขั้นตอนการใช้งานของมันไม่ยากเช่นกันครับ
iPhone
 โดยที่ตอนเราทำการ Actvion เครื่องนั้นมันจะถามเราในครั้งแรกเลยว่าเราต้องการจะเปิดใช้งานระบบ Touch ID มั้ยถ้าเราต้องการ ก็แค่ทำการกดตกลงไป มันจะเข้าสู่หน้าของการลงทะเบียนด้วยลายนิ้วมือของเราที่ Apple ID
iPhone
 การแสกนเพื่อใช้ Touch ID นั้นจะต้องทำที่นิ้วโป้งนะครับ (ที่จริงใช้นิ้วอื่นได้ครับ) โดยการวางไปบนปุ่มเฉยๆ เมื่อเครื่องเตือนแล้ว ให้ขยับนิ้วไปเรื่อยๆ จนกว่าลายนิ้วมือเราจะเต็มครับ
iPhone
 และยังทำมาสำหรับการใช้งานถ้าหากเราสแกนนิ้วเราแล้วไม่ผ่าน เรายังสามารถที่จะตั้งรหัสไว้ได้ด้วยโดยการตั้งรหัส 4 ตัวเท่านั้นเองครับ
iPhone
 กล่าว คือระบบ Touch ID นั้นหากเราต้องการซื้อ App หรือ Load App หากเราตั้ง Touch ID ไว้เราจะต้องทำการสแกนนิ้วมือเราทุกครั้งที่มีการใช้งานผ่าน Apple Store ซึ่งแน่นอนครับ ระบบ Touch ID ยังครอบคลุมไปถึงการสั้งเปลี่ยนรหัส และ Lock เครื่องด้วยเช่นกันครับ โดยสมมุติเราจะ Side to unlock เครื่องนะครับถ้าเราวางนิ้วลงไปที่ปุ่มโฮมไม่ต้องกดนะ มันจะเด้งเข้าหน้าใส่ Passcode ทันทีครับ
iPhone
 นอกจากนั้นปุ่มคนพิการหรือ AssistiveTouch ยังทำออกมาใหม่ตรง Icon ปุ่มโฮมครับเพื่อให้เข้ากับ iPhone5S นั้นเองครับ 
iPhone
 สำหรับ iPhone5S นั้นยังคงเป็น iOS7 เดิมๆอยู่แม้ว่าทาง Apple จะปล่อย update ออกมาเป็น 7.0.1 แล้วก็ตามแต่ใครไม่อัพไปก็ไม่มีปัญหาการใช้งานแต่อย่างใดครับ
iPhone
เรามาดูรายละเอียดรอบๆตัวเครื่องกันดีกว่าครับสีขาว iPhone5 สีดำ iPhone5S ครับ
iPhone
iPhone
iPhone
iPhone
iPhone
iPhone
ถ้าสังเกตุดีๆนะครับขนาดกว้าง ยาว สูง ทั้งหมดเท่ากับ iphone5 ทั้งหมดครับ ต่างกันที่สี และ ที่แฟรตแค่นั้นครับโดยที่แฟรตของ iPhone5S นั้นทำออกมาแบบคู่ครับ แต่ของ iPhone5 เป็นแบบเม็ดเดียว และ วัสดุของ iPhone5S นั้นเหมือนกับ iPhone5 เพียงแต่ว่าขอบๆของเครื่อง iPhone5S นั้นจะดูบางกว่า ผมกำลังพูดถึงความหนาของขอบด้านในเครื่องนะครับ ส่วนอื่นๆเหมือนกันครับ
 เรื่องฟิลม์กันรอยหน้าจอก็เช่นกันครับ ยังคงใช้งานของ iPhone5 ด้านหน้าครับ ด้านหลังไม่สามารถใช้ได้แค่แถบบนกล้องเท่านั้นครับ เพราะแฟรตเป็นแบบคู่ครับ ต้องรอผู้ผลิตทำฟิลม์ออกมาก่อนนะครับ

ส่วน เรื่องของ Case ที่จะใส่และใช้งานนะครับเราสามารถที่จะเอาของเดิมของ iPhone5 มาใช้งานได้ แต่บางรุ่นเท่านั้นที่จะสวิตซ์ต่างๆไม่ตรงครับ เป็นดั่งในรูปครับ ดังนั้นถ้าหากจะให้แน่ใจ เอาไปวัดก่อนดีกว่านะครับเพราะ 5S สวิตต่างๆด้านซ้ายจะอยู่สูงกว่าของ iPhone5 นิดหน่อยครับ
 เรื่องของแฟรตคู่ครับ iPhone5S ทำแฟรตออกมาใหม่ 2 สีในเครื่องเป็นแบบแยกเม็ด กล่าวคือแฟรชทั้งสองอันนี้เวลาเราถ่ายมันจะทำหน้าทีในการผสมสีของแฟรชออกมา ให้มันมีความสมจริงมากขึ้น และไม่มืดหรือถ่ายออกมาติดหลอนเหมือนรุ่นก่อนๆครับ และลูกเล่นที่ทำออกมาก็เยอะมาก จนถึงตอนนี้ทีมงานยังลองไม่หมดครับ
 ประเด็น เรื่องวัสดุครับ ในที่นี้ยังคงใช้วัสดุแบบเดียวกับ iPhone5 เพียงแต่ว่ารุ่นของ 5S อาจจะเป็นลอยง่ายกว่าเพราะว่า ตัวของขอบอลูมินัมที่ทำเป็นวัสดุของเครื่องนั้นมีความบางกว่าของ iPhone5 ครับ ดังนั้นถ้าหากทำตกก็มียุบและบุบ แน่นอน และถ้าหากใส่ Case เนื้อแข็งแบบรีบร้อน แน่นอนครับว่าริ้วรอยตามมาแน่นอนครับ
ตัวอย่าง ภาพถ่ายจาก iphone 5, iPhone 5S แบบเปรียบเทียบนะครับภาพแรกจากกล้อง iPhone5S ภาพที่ 2 จากกล่อง iPhone5 ถ้าดูจริงๆความระเอียดแทบไม่ได้แตกต่างกันยกเว้นแค่สีสันบนภาพที่ทำออกมาได้ ดูดีกว่าครับ
ตัวอย่าง จากภาพถ่าย iPhone5, iPhone5S แบบเปรียบเทียบตอนเปิดแฟรตครับ ถ้าสังเกตุจริงๆทั้งสองภาพจะเห็นความแตกต่างของเม็ดสีในภาพได้ชันเจนครับ สรุปแฟรต iphone5S ดีกว่าจริงครับ
หากใครต้องการรับชมเป็น VDO ที่ Review พร้อมปุ่ม Home แบบใหม่มาพร้อมระบบ Touch ID แบบเห็นภาพและการใช้งานทั้งหมด สามารถรับชมได้ทาง Youtube ครับ >> http://bit.ly/1aSZTey 
สุด ท้ายนี้ เดียวพรุ่งนี้จะมี Part สรุปเป็น VDO ออกมาให้ชมครับ และขอติดสัญญา ภาพทุกภาพที่อยู่ในเพจนี้อนุญาติให้แชร์ได้ แต่ห้ามก๊อปปี้โดยไม่บอกนะครับBia
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ: Dr.Bia
บทความโดย: K. Bia
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ท่องดินแดนแห่งเวทมนตร์ของ “แฮรี่ พอตเตอร์”

ท่องดินแดนแห่งเวทมนตร์ของ “แฮรี่ พอตเตอร์”

\DiagonAlley1\
หากใครเคยดูหนังเรื่อง Harry Potter ภาคแรก น่าจะจำตรอกไดแอกอน ที่แฮกริดพาแฮรี่ พอตเตอร์ มาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ก่อนไปเรียนที่ Hogwart ในภาคแรกได้
ซึ่งคุณเจ. เค. โรว์ลิ่งผู้แต่งบรรยายไว้ว่าคนธรรมดาหรือ “มักเกิ้ล” จะไม่เห็นตรอกนี้เว้นแต่ เอาไม้กายสิทธิ์เคาะกำแพงร้านหม้อใหญ่รั่วเป็นรหัสลับเท่านั้นเท่านั้น
ล่าสุด Google ร่วมมือกับ Warner Bros. Studio Tour พร้อมบรรดานจินตนาการเหล่านั้น โดยให้คุณสามารถชมสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์จริง ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ บน Street View
\DiagonAlley3\
พร้อมจัดเต็มร้านที่มีอยู่ในหนังอย่าง ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก ที่ขายตำราเวทย์, ร้านไม้กายสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์,ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์, ธนาคารกริงกอตส์ และอื่นๆ
ผู้บริหารของ สตูดิโอ ให้ข้อมูลว่า ตรอกนี้ใช้เวลาสร้างนาน 3 เดือน โดยใช้เวลา 6 เดือนในการเติมสินค้าลงในชั้นวางของร้านค้าต่างๆ มากกว่า 20,000 ชิ้น
เข้าชมโลกของพ่อมดแม่ได้ ที่นี่ ครับ 
ที่มา : mashable
ภาพจาก : Ugo และ Mashable
\DiagonAlley2\

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

5 ปัญหาเน็ตหลุด สะดุดที่ตรงไหน ตรวจสอบได้ด้วยตัวคุณเอง

5 ปัญหาเน็ตหลุด สะดุดที่ตรงไหน ตรวจสอบได้ด้วยตัวคุณเอง
ครั้งก่อนทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ได้นำเสนอบทความเรื่อง \5 วิธีง่ายๆ ในการเพิ่มสัญญาณ Wi-Fi ในบ้านของคุณ\ มาวันนี้ เรามีบทความเกี่ยวกับปัญหาการใช้อินเทอร์เน็ตที่พบกับคุณผู้อ่านได้ทุกท่าน นั่นก็คือ ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet connection problem) ที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้ใช้ได้เสมอ
แทน ที่เอะอะอะไรก็จะใช้วิธีกดปุ่ม F5 เพื่อรีเฟรชบราวเซอร์ให้โหลดหน้าเว็บที่อยู่ดีๆ โหลดไม่ขึ้นซะงั้น ซึ่งบางทีปัญหามันไม่ใช่แค่ที่คุณเห็น เพราะการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่ อินเทอร์เน็ตไม่ได้มีแค่การต่อสายอีเธอร์เน็ต หรือเปิดสวิตช์ Wireless บนโน้ตบุ๊ก แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย บทความนี้จะแนะนำการตรวจสอบต้นตอของปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในระหว่าง ที่ใช้งาน เพื่อหาสาเหตุ และแก้ไขได้อย่างถูกต้อง แน่นอนว่า สิ่งแรกที่คุณต้องเช็คก่อนเลย เวลาที่เน็ตใช้การไม่ได้ คือ การเชื่อมต่อของฮาร์ดแวร์ เริ่มต้นที่สายเคเบิ้ลที่ต่อกับคอมพ์ ไปจนถึงปลั๊กเสียบเราท์เตอร์ที่ใครอาจเผลอไปเตะมันหลุดแล้วคุณไม่รู้ หรือมี มือดีไปปิดสวิทช์เพราะเห็นมันเปิดนานแล้ว - -\ หากการเชื่อมต่อเน็ตของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ปกติดีแล้ว ไม่มีหลุด หรือปิดสวิตช์ แต่อย่างใด ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการตรวจสอบปัญหาการเชื่อมต่อ ซึ่งมีคำสั่ง และวิธีการที่น่าสนใจดังนี้
Ping ดูว่า\เน็ต\ยังอยู่หรือไม่? หาก การเชื่อมต่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ขั้นตอนต่อมาก็คือ การตรวจสอบการเชื่อมต่อของเน็ตจากบ้านคุณด้วยคำสั่ง Ping เริ่มต้นด้วยการเปิดหน้าต่าง command คลิกปุ่ม Start พิมพ์ cmd แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด จากนั้นในหน้าต่าง cmd พิมพ์คำสั่ง ping ตามด้วยชื่อเว็บไซต์่ อย่างเช่น ping arip.co.th หรือ ping google.com เป็นต้น 
\\
คำสั่งนี้จะเป็นการบอกให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเน็ตทดลองส่ง แพ็คเก็ตของข้อมูล ไปยังแอดเดรสของเว็บไซต์ที่คุณระบุ ซึ่งทางเว็บเซิร์ฟเวอร์ของ arip หรือ google ก็จะตอบสนองแต่ละแพคเก็ตของข้อมูลที่มันได้รับ โดยจากในภาพข้างบนนี่้จะเเห็นว่า ทุกอย่างทำงานปกติ แพคเก็ตที่รับไม่ได้ (packet loss) มี 0% ในขณะที่เวลาตอบสนองแต่ละแพคเก็ต (time=?ms) ค่อนข้างต่ำ
หากคุณผู้อ่านใช้คำสั่ง Ping แล้วพบว่า packet loss ไม่ใช่  0% ซึ่งหมายถึง เว็บเซิร์ฟเวอร์ที่คุณติดต่อเข้าไปไม่ตอบสนองแพ็คเก็ตใด แพ็คเก็ตหนึ่งที่ถูกส่งไป นั่นหมายความว่า มันมีปัญหาการเชื่อมต่อกับเน็ตอย่างไม่ต้องสงสัย หรือบางทีเว็บเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาตอบสนองช้ามาก นี่ก็เป็นปัญหาการเชื่อมต่อเหมือนกัน นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดกับเว็บไซต์บางแห่งเท่านั้น (จากในรูปจะเห็นว่า คำสั่ง ping microsoft.com เว็บเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์จะไม่ตอบสนองคำสั่งนี้ ในขณะที่การเชื่อมต่อไม่ได้มีปัญหา - -\) หรือบางทีปัญหาอาจเกิดกับ ISP ทีคุณใช้บริการ (ลิงค์ขาด, ซ่อมบำรุง ฯลฯ) ลองโทรสอบถามทางผู้ให้บริการ หรือเกิดกับเครือข่ายในบ้านคุณเอง (เราท์เตอร์ ได้ลาจากโลกไปแล้ว ถึงจะต่อเคเบิ้ล ตรงๆ ก็ยังเข้าเน็ตไม่ได้อยู่ดี แต่เพื่อนข้างบ้านที่ใช้ ISP เดียวกัน ท่องเน็ตฉลุย)
เว็บไซต์เจ้าปัญหา หากตรวจสอบด้วยคำสัง Ping แล้วพบว่า มันปกติ แต่กลับพบปัญหาเข้าเว็บไซต์บางแห่งไม่ได้ ซึ่งบางทีมันอาจเป็นปัญหาที่เว็บไซต์เอง อย่ากังวลจนเกินไป ในการตรวจสอบว่า เว็บไซต์ที่คุณต้องการเข้าไปนั้นยังปกติดี หรือไม่? คุณสามารถดาวน์โหลดเครื่องมืออย่างDown For Everyone Or Just For Me(แปล ตรงตัวว่า เว็บไซต์นี้ดาวน์กับทุกคน หรือแค่คุณคนเดียว) ซึ่งมันจะพยายามเชื่อมต่อเว็บไซต์ และสรุปว่า มันดาวน์ หรือไม่? หาเครื่องมือตัวนี้บอกว่ามันดาวน์กับทุกคน ปัญหาก็อยู่ที่เว็บไซต์ไม่ใช่คุณ แต่ถ้าเครื่องมือตัวนี้บอกว่า มันดาวน์เฉพาะเครื่องของคุณเท่านั้น มันมีความเป็นไปได้ว่า เกิดปัญหา ระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับเส้นทางการเข้าถึงระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับ เซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ งานนี้ให้ใช้คำสั่ง Traceroute โดยในหน้าต่าง command พิมพ์คำสั่ง tracert cannotvistsite.com เพื่อดูว่า เส้นทางการส่งแพ็คเก็ตข้อมูลอาจมีปัญหา อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะทำอะไรได้ไม่มากไปกว่า รอให้เว็บไซต์ดังกล่าวแก้ไขปัญหานี้
\\
โมเด็ม กับเราท์เตอร์ หากคุณพบว่า มีปัญหาในการเข้าถึงเว็บไซต์หลายๆ แห่ง ปัญหาอาจเกิดจากโมเด็ม หรือเราท์เตอร์ของคุณ โมเด็มในที่นี้คือ อุปกรณ์ที่ใช้สื่อสารกับ ISP ในขณะที่เราท์เตอร์จะทำหน้าที่แชร์การเชื่อมต่อเน็ตกับคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่อง หรืออุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านคุณ แต่ส่วนใหญ่โมเด็มกับเราท์เตอร์จะเป็นตัวเดียวกัน วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ถ้า LED สีเขียวบนบนตัวมันกระพริบๆ ถี่บ้าง ช้าบ้าง ในขั้นต้นก็น่าจะปกติ เพราะมันแสดงให้เห็นว่ามีแทรฟฟิกกับเน็ตเวิร์ก แต่ถ้าสว่างนิ่ง หรือมีสีส้มกระพริบๆ โดยทั่วไปก็จะหมายถึง มันมีปัญหา ข้อสังเกตนี้ได้ใช้กับทั้งเราท์เตอร์ และโมเด็ม หากพบปัญหาลักษณะนี้ ทำใจดีสู้เสือด้วยการถอดปลั๊กนับในใจสัก  5 -10 วินาทีแล้วเสียบปลั๊กเปิดให้มันเริ่มต้นทำงานใหม่ การทำเช่นนี้จะคล้ายๆ กับการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ถ้าทำแล้วยังไม่หายอีก ลอง reset (ดูคู่มือ) เราท์เตอร์ (ส่วนใหญ่จะเป็นช่องเล็กๆ ให้ใช้หัวปากกากด) ถ้าคุณยังคงเจอปัญหาอีก ขั้นต่อไปอาจจะต้องลองใช้ Factory Reset (การรีเซ็ตเครื่องเหมือนเพิ่งถอยออกมาจากโรงงานผลิต) ให้กับเราท์เตอร์ของคุณ หรือแม้แต่อัพเกรดเฟิร์มแวร์ ถ้าทำทั้งหมดนี้แล้วยังไม่ได้ ยกไปซ่อม หรือซื้อใหม่ดีกว่า - -\
\\
ปัญหาเกิดกับคอมพ์เครื่องเดียว ใน กรณีที่ต่อเน็ตกับคอมพ์หลายเครื่อง แต่ปัญหาเกิดกับคอมพ์เครื่องเดียวบนเน็ตเวิร์ก โอกาสของปัญหาอาจจะเกิดจาก ซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เช่น ไวรัส หรือมัลแวร์บางอย่าง หรือการตั้งค่าบราวเซอร์ที่ใช้ หากแต่เดิมปกติดีหมด แล้วจู่ๆ มันก็เข้าเน็ตไม่ได้ขึ้นมา สังหรณ์ไว้ก่อนว่า มันเกิดจากไวรัส ให้คุณลองสแกนไวรัสบนคอมพิวเตอร์ทีมีปัญหา แต่ถ้าแก้แล้วยังไม่เวิร์กอีกให้ลองใช้บราวเซอร์ตัวอื่นท่องเว็บไซต์ดู ปัญหาซอฟต์แวร์สามารถเกิดได้ตั้งแต่การติดไวรัสไปจนถึงการตังค่าต่างๆ อย่างเช่น ไฟร์วอลล์ ที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้ตั้ง - -\
ปัญหา DNS Server ปกติการเชื่อมต่อเน็ตท่องเว็บ เวลาที่คุณใช้บราวเซอร์ต่อเข้าไปยังเว็บไซต์อย่างเช่น arip.co.th คอมพิวเตอร์ของคุณจะมีการเชื่อมต่อไปยังเซอร์ฟเวอร์ DNS (Domain Name System) เพือร้องขอหมายเลข IP ของ arip.co.th ซึ่งปกติ DNS Server ที่คุณใช้ของ ISP และมันก็อาจเป็นไปได้ว่า DNS ของ ISP มีปัญหา วิธีทดสอบให้คุณป้อน IP address เพื่อกระโดดข้ามการติดต่อไปยัง DNS Server และเข้าไปโดยตรง เช่น http://74.125.224.72 จะเข้าไปที่เว็บไซต์ google.com เป็นต้น
\\
ถ้า การป้อน IP เข้าไปในบราวเซอร์ แล้วมันสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ต้องการได้ คือเข้าไปยังเว็บไซต์ google.com นั่นก็หมายความว่า ปัญหาเกิดขึ้นกับ DNS ของ ISP (ถ้าคุณขี้เกียจรอ คุณสามารถใช้ DNS ของผู้ให้บริการอย่าง OpenDNS หรือ Google Public DNS แต่อาจจะทำยากสักหน่อยนะครับ)
ข้อเท็จจริงที่ควรทราบก็คือ ปัญหาส่วนใหญ่ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ผู้บริโภคมักจะไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยตนเอง - -\ บ่อยครั้งที่ผู้ใช้ทำได้แค่รอให้ ISP แก้ปัญหาให้ อย่างไรก็ตาม การรีสตาร์ท\เราท์เตอร์\จะชวยแก้ปัญหาได้แล้ว ถ้ามันไม่ได้เป็นปัญหาที่ซีเรียสนัก แต่อย่างน้อยการเข้าใจที่มาของปัญหาในเบื้องต้นจะทำให้คุณรู้ว่า ควรจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด ซึ่งดีกว่าการรอคอยเพียงอย่งเดียวอย่างแน่นอน
สนับสนุนเนื้อหา: Arip
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com